Kyoto 2, Fri 18 Nov 2016 (day 8/10)

The Golden Pavillion or Kinkaku หรือ วัดทอง, Arashiyama,  Bamboo Grove, Tenruji Temple (World Heritage Site)
Kinkaku (คินคะคุจิ) หรือ The Golden Pavillion (วัดทอง) ชื่อเดิมคือ Rokuon-ji Temple ออกจากที่พักประมาณ 0900 น. ขึ้นรถ bus ฝั่งตรงข้าม Aeon เบอร์ 205 ประมาณ 09.17 น. ซื้อตั๋ว one day pass คนละ 500 yen ต้องใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชม
ขึ้นรถได้ที่นั่ง เลยนั่งหลับกันเกือบทุกคน ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ดูแผนที่ผิดหน้า คิดว่าถึงวัดแล้ว รีบลงก่อน เลยต้องยืนคอยรถอีกครั้ง ไม่ถึง 10 นาทีรถ 205 ก็มารถว่างๆ และได้นั่งทุกคน เดินทางถึงวัดประมาณ 10.30 น. เดินชมวัดเสร็จประมาณ 11.50 น ต้องรีบเดินจะได้มีเวลาไปต่อ
Kinkakuji (วัดคินคะคุจิ) หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่าวัดทอง เนื่องจากที่วัดนี้จะมีอาคารหลักเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ วัดนี้แต่เดิมสร้างเพื่อใช้เป็นบ้านพักของท่านโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ(Ashikaga Yoshimitsu) และท่านมีความตั้งใจยกบ้านพักแห่งนี้ให้เป็นวัดนิกายเซนภายหลังจากที่ท่านเสียชีวิต อาคารเดิมของวัดนั้นถูกไฟไหม้หลายต่อหลายครั้งในอดีต รวมถึงในช่วงสงครามโอนิน (Onin ) ในปี 1950 เกิดสงครามกลางเมืองที่ได้ทำลายสถานที่สำคัญๆของเกียวโตไปหลายแห่งรวมถึงวัดแห่งนี้ด้วย และได้มีการสร้างวัดนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1955 ซึ่งอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้



เดินทางต่อไปที่ Arashiyama (อาราชิยาม่า) ขึ้นรถประจำทางเบอร์ 59 หน้า ประตูทางออก Kinkaku นั่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงและต้องต่อรถอีกสายคือเบอร์ 11 เราลงเร็วไปหนึ่งป้าย แต่ได้คุณป้าคนญี่ปุ่นมาช่วยบอกว่าต้องนั่งต่อไปอีก 1 ป้ายและนั่งไปอีกประมาณ 10 นาที ถึง Arashiyama ประมาณบ่าย 2 ร้านอาหารมีคนเข้าคิวยาวแทบทุกร้าน พวกเรารอคิวกินร้านอุด้ง โชคดีรอไม่นาน และอร่อยมาก
เดินชมเมือง Arashiyama (อาราชิยาม่า) ข้ามสะพานไปอีกฝั่ง มองฝั่งตรงข้ามก็เห็นวิวเมืองสวยดี มีใบไม้เปลี่ยนสี มีคนไปพายเรือเล่นในลำธารน้ำ เดินกลับมาฝั่งเดิม
ด้านหลังเห็นไกลๆ นั้นเป็นร้านกาแฟขายดี % Arabrica เดินเที่ยวเสร็จจะไปนั่งพักที่นั่น

Togetsukyo Bridge (สะพานโทเง็ตสึเคียว) หรือนิยมเรียกว่า “Moon Crossing Bridge” เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของ Arashiyama ถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอันและมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่เรื่อยๆ สะพานนี้มีความสวยงามอย่างมากเพราะด้านหลังนั้นเป็นภูเขาสูงใหญ่ และด้านล่างเป็นแม่น้ำที่ทั้งสองฝั่ง ฝั่งตะวันตกของสะพานแม่น้ำมีชื่อเรียกว่า Hozu river และฝั่งตะวันออกของสะพานแม่น้ำมีชื่อเรียกว่า Katsura River


ร้านกาแฟ % Arabica ไปนั่งพักกินกาแฟร้าน % ร้านเล็กมาก ในร้านไม่มีที่ให้นั่ง มีคนช่วยกันทำกาแฟกัน 4 คน เป็นเด็กหนุ่มญี่ปุ่น 3 คนและผู้หญิงฝรั่ง 1 คน มีคนยืนต่อกันแถวยาว เป็นกาแฟจาก Brazil หอมนุ่มลิ้นดี ได้กาแฟก็มานั่งกินรอบๆ ร้าน นั่งดูวิวสะพาน ลำธารน้ำ และต้นไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นเจี๊ยบดี

Bamboo grove เดินมาจาก Arashiyama ไปตามทางเรื่อยๆ จนถึง Bamboo grove เป็นป่าไผ่ และเค้าปลูกไว้ข้างทางเดิน ทั้งสองฝั่ง เป็นทางยาวประมาณ 500 เมตร เป็นไผ่พันธ์สูงมาก ลำต้นใหญ่ สีเขียวเข้มดูสวย เมื่อเดินสุดป่าไฝ่ ก็จะถึง Tenryu-ji Temple ต้องซื้อตั๋วเข้าชม





Tenryu-ji Temple (วัดเทนริวจิ) World Heritage Siteเป็นวัดที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของวัดในเกียวโต และยังเป็นหนึ่งใน 5 วัด มรดกโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเกียวโตก็ว่าได้ Tenryu-ji Temple เป็นวัดในศาสนาเซน และเป็นศูนย์กลางของลัทธิรินไซ การจัดสวน หรือแม้แต่ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในวัด ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาเซนทั้งสิ้น ภายในวัดจึงมีความสวยงามแฝงไปด้วยความสงบแบบเซน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต

สาวๆ ชาวญี่ปุ่นใส่ชุดประจำชาติมาเดินเล่น น่ารักจัง

คนไทยเราต้องใส่เสื้อหนาๆ อุ่นๆ เพราะหนาวจิง



ขึ้นรถประจำทางกลับเข้าเมือง Kyoto ใช้เวลาประมาณ 45 นาที รถแน่นมาก ได้นั่งหลับ 3 คน ยืนหลับอีก 3 คน

เดินซื้อของ และรองเท้า Adidas และ Onisuga ซึ่งก็ยังไม่ได้ แต่ได้ลูกพลับ
4 ลูกเล็ก 399 yen
2 ลูกใหญ่ 499 yen
Cheese Brie 1 ชื้น 477 yen

อุ๊ซื้อเสื้อหนาวได้ที่ H&M อีกส่วนไปที่ร้านขายยา ซื้อเครื่องอางค์ ยาน้ำทาแก้ปวด 2 ขวด ขวดละ 2,220 yen แปรงสีฟัน 3 อัน รวม 615 yen ขนม kitkat ขนมลูกองุ่น ซื้อถึง 5000 yen ไม่ต้องเสียภาษี
ซื้อเสร็จก็ไปกินอาหาร หิวๆ

กินเสร็จแล้วอยากจะเดินต่อก็ไม่ได้ ร้านเริ่มปิด 3 ทุ่ม 4 ทุ่มบ้าง
ก็เลยไปยืนรอรถประจำทาง เพื่อกลับที่พัก แต่รถสายนี้ไม่ได้ผ่านถนนหน้า Aeon ไปลงถนนหลังที่พัก แต่ก็เดินไม่ไกลมากนัก

คืนนี้ต้องเตรียมเก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ต้อง check out เดินทางเข้า Osaka

มีต่อ day 9/10 ..........
Kyoto-Osaka-BKK




No comments:

Post a Comment